ท็อปเชียงใหม่มาแล้วครับ คราวที่แล้วพาไปเที่ยวห้วยน้ำดัง คราวนี้มาเที่ยวขุนแม่ยะกันดีกว่า เกลิ่นก่อนขุนแม่ยะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น้อยคนนักที่จะแวะทักทาย เพราะทางเข้านั้นยากหนักหนา ไม่ได้เดินทางสบายๆ เหมือนห้วยน้ำดัง แต่กระนั้นแล้วท็อปเชียงใหม่ ไม่ยอมพลาดครับผม
ทางเข้าขุนไม่ยะต้องรถ 4wd เท่านั้น
ถึงหน่วยจัดการต้นน้ำขุนแม่ยะแล้ว
ท็อปเชียงใหม่พาเที่ยวขุนแม่ยะ จังหวัดเชียงใหม่ พาเที่ยวหนาวนี้ ดูดอกซากะบานที่ขุนแม่ยะ ใกล้กับห้วยน้ำดัง ใครๆก็ไปห้วยน้ำดัง หลายคนอาจจะพลาดที่จะแวะไปเที่ยวขุนแม่ยะ ห้วยน้ำดังนั้นคนเยอะแยะมากมาย แต่ใครจะแวะไปดูภูเขาสีชมพูบ้างนะ แต่ท็อปเชียงใหม่อย่างกระผมไปนะครับเราไปเที่ยวขุนแม่ยะกันเลย เดินทางออกจากห้วยน้ำดังหลังจากดูทะเลหมอกแล้ว มุ่งหน้าสู่เมืองปาย แต่ไม่ถึงปายนะครับ ถึงด่านตรวจแล้วก็นั่นเลยถึงทางเข้าขุนแม่ยะแล้ว
หากมุ่งหน้าสู่เมืองปาย เจอด่านตรวจ ก็หมายถึง เราถึงทางเข้าขุนแม่ยะแล้ว จากทางเข้าก็ประมาณ 8 กิโลเมตรก็ถึงแล้วครับผม ทางก็ไม่ได้ยากเย็นนักหนา แต่ก็ไม่ได้สบายเหมือนห้วยน้ำดัง แต่กระผมว่าเป็นธรรมชาติดีนะครับ ชอบครับชอบ อิอิ ถนนที่ขุนแม่ยะนั้นไม่ได้ลาดยาง เป็นถนนดินแดงล้วนๆ อาจจะเจอหลุมบ่อและสายน้ำบ้าง แต่ก็สบายๆ แต่รถเก๋งเนี่ยเข้าไม่ได้นะครับ ต้อง 4WD เท่านั้น นักท่องเที่ยวเลยไม่ค่อยได้แวะสักเท่าไหร่นัก แต่ก็ใช่ว่าน้อยคนที่จะแวะเข้ามาดูความสวยงามของธรรมชาติที่ขุนแม่ยะ
ดอยขุนแม่ยะอยู่ในเขตพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ อยู่ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ประมาณ 95 กิโลเมตร การเดินทางจะเป็นเส้นทางหลวงหมายเลข 107 ก่อนถึงขุนแม่ยะจะเดินทางผ่านอุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง เลยห้วยน้ำดังไปประมาณ 3 กิโลเมตร จะเจอทางเข้าขุนแม่ยะและทางเข้าขุนแม่ยะนี้เองจะอยู่ที่ด่านตรวจแม่ยะและด่านกักกันสัตว์แม่ยะ หากเจอด่านแล้วก็เลี้ยวซ้ายไปเลย ชื่อเต็มๆของขุนแม่ยะก็คือ หน่วยจัดการต้นน้ำแม่ยะ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช เป็นถนนที่เป็นธรรมชาติล้วนๆ รถกระบะ รถมอร์เตอร์ไซด์ และ 4WD (รถเก๋งธรรมดาอย่าเข้าไปเลยสงสารรถครับ) ที่ขุนแม่ยะนี้สามารถกางเต้นท์พักแรมได้ และรถ 4WD สามารถขึ้นไปยังจุดเดินป่าขึ้นยอดดอยขุนแม่ยะได้อีกด้วย
ดอยขุนแม่ยะมีความสูง 2,007 เมตรจากระดับความสูงน้ำทะเล เป็นดอยอันดับที่ 9 ของเมืองไทยที่มีความสูงที่สุด ระยะเวลาการเดินทางขึ้นไปยังจุดสูงสุดหรือยอดดอยเวลาเดินทางอยู่ที่ประมาณ 2-3 ชั่วโมง ขุนแม่ยะมีดอกไม้สีชมพาสวยงามเค้าเรียกกันว่า “นางพญาเสือโคร่ง” เป็นดอกไม้สีชมพู และได้เรียกกันว่า “ซากุระเมืองไทย” สามารถพบเห็นได้ที่ ดอยแม่สลอง , ดอยอ่างขาง , ดอยวาวี , ขุนวาง ดอยอินทนนท์ , ขุนช่างเคี่ยน ดอยปุย ,ขุนแม่ยะ ดอยแม่ยะ , ออป.บ้านวัดจันทร์, ภูทับเบิก มีสื่อมากมายที่นำเอาภาพคามสวยงามของพญาเสือโคร่งนี้เผยแพร่ออกไป จากที่ไม่ค่อยรู้จักกลับมีผู้คนรู้จักมากขึ้น
แต่น่าเสียดายนะครับ ที่ซากุระเมืองไทยที่ขุนแม่ยะไม่ได้สวยงามเหมือนแต่ก่อนเมื่อ 10 ปีที่แล้ว แต่ก็ยังดีที่เค้ารักษาไว้ให้ลูกหลานได้ดูได้ชมและได้เที่ยวกันต่อไป ท็อปเชียงใหม่ ก็ขอชักชวนเพื่อนๆ ไปเที่ยวไปชมดอกซากุระเมืองไทยที่ขุนแม่ยะกันนะครับ เที่ยวเมืองไทยไม่ไปไม่รู้ เจ้านายผม ท็อปเชียงใหม่เค้าก็จะมีแต่เรื่องดีๆมาให้ได้ชมกันนะครับ เดินทางท่องเที่ยวให้ปลอดภัยในการท่องเที่ยวของทุกๆคนนะครับ
ดอกพญาเสือโคร่งหรือดอกซากุระเมืองไทยจะเริ่มเบ่งบานช่วงเดือนมกราคมของทุกปี และจะบานแค่ระยะสั้นๆ 1-3 อาทิตย์ เท่านั้น และจะบานเต็มที่แค่ 1 อาทิตย์หลังจากนั้นเปลี่ยนเป็นสีเขียวอ่อนและล่วงโรยออกไป สื่อต่างๆ เค้าจะคอยเช็คกันเป็นระยะๆ ก่อนซากุระจะบาน หากซากุระบาน จะแจ้งเพื่อนๆ ท็อปเชียงใหม่ต่อไปครับ
ด่านตรวจของตำรวจปาย
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Prunus cerasoides D.Don
ชื่อสามัญ : นางพญาเสือโคร่ง
ชื่อพื้นเมืองอื่นๆ : ชมพูภูพิงค์ , ฉวีวรรณ
ชื่อเท่ห์ๆ : Himalayan Cherry
สกุลวงศ์ : Rosaceae (กุหลาบ บ๊วย ท้อ ซากุระ ฯลฯ)
ลักษณะ : เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง สูง 3 *** 10 เมตร ลักษณเด่นคือ ที่ลำต้นจะเป็นปล้องเรียงซ้อนๆกัน ไปตลอดตั้งแต่โคนต้น จนถึงปลายกิ่ง ลักษณะคล้ายกับลายเสือโคร่ง พบในภาคเหนือ ที่ความสูง 1,000 *** 2,000 เมตร จากระดับน้ำทะเล
ดอก : ออกดอกในเดือน ธ.ค. *** ก.พ. ดอกเป็นกระจุกตามปลายกิ่ง มีทั้งสีชมพู แดงและขาว เมื่อดอกได้รับการผสมจะติดผลรูปไข่ ผลสุกเป็นสีแดงแบบลูกเชอรี่
การขยายพันธุ์ : เมล็ด
แหล่งที่พบ : ดอยแม่สลอง , ดอยอ่างขาง , ดอยวาวี , ขุนวาง ดอยอินทนนท์ , ขุนช่างเคี่ยน ดอยปุย , ขุนแม่ยะ ดอยแม่ยะ , ออป.บ้านวัดจันทร์, ภูทับเบิก
.