ทริปนี้เราพาเที่ยวเชียงใหม่แบบสบายๆ ไม่เร่งรีบ แต่ใช้เวลาว่างใน 1วัน ให้มีค่าที่สุด ด้วยการมาเที่ยวเมืองเก่าของภาคเหนือ เมืองเชียงใหม่ สุดยอดเมืองท่องเที่ยวของประเทศไทย เพื่อมาเข้าวัดทำจิตใจให้สงบกับ 3 วัดดังอย่าง วัดพระสิงห์ วัดสวนดอก และวัดชัยมงคล จากนั่นต่อด้วยซื้อของฝากที่ตลาดวโรรส ก่อนขึ้นเครื่องกลับกรุงเทพฯ ช่วงเย็น
จริงๆ แล้วเราสามารถที่จะเที่ยวชมวัดได้มากมายหลายแห่งเลยละครับ เพราะวัดในเมืองเชียงใหม่อยู่ติดๆ กัน ไหว้พระ 9 วัดก็ยังไหว แต่ผมมาบ่อยแล้วจึงใช้เวลากับ 3 วัดข้างต้นแบบเต็มที่จุใจชิลล์ๆ จากสนามบินผมใช้วิธีการเดินทางในตัวเมืองเชียงใหม่ด้วยรถสี่ล้อแดง เพราะง่ายและที่สำคัญคือประหยัดดีครับ โบกๆ นั่งรถชมเมืองสักพักก็ถึงที่หมายง่ายมาก คุณก็ทำได้
แต่ทริปนี้คงเกิดขึ้นไม่ได้ หากผมไม่เข้าไปจิ้มเล่นหาตั๋วไปกลับ กับแอปพลิเคชั่นสุดล้ำ Traveloka ระบบจองตั๋วเครื่องบินและที่พักออนไลน์ ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมมากในขณะนี้ จิ้มไปจิ้มมาที่หน้าจอก็แสดงผลเปรียบเทียบราคาของทุกไฟลท์ ของแต่ละสายการบิน โดยแสดงผลลัพธ์การค้นหาของทุกสายการบินให้ในครั้งเดียว ไม่ต้องเปิดทีละเว็บไซต์ ช่วยให้ผมได้เลือกเที่ยวบิน ที่ราคาค่อนข้างถูก ตรงใจคนประหยัดๆ แบบผมได้ดีทีเดียว สามารถจองตั๋วเครื่องบินได้ที่ http://www.traveloka.com/th-th
เพียงแค่ 1 ชั่วโมง จากกรุงเทพฯ ก็มาถึงสนามบินเชียงใหม่ในช่วงเช้า 8.00น. ซึ่งผมก็กินข้าวมาจากบ้านเรียบร้อยแล้ว เลยไม่ต้องห่วงเรื่องกินให้เสียเวลา
ผมมุ่งหน้าไปวัดสวนดอกเป็นที่แรก เพื่อไปสักการะพระเจ้าเก้าตื้อ ที่เป็นพระพุทธรูปหล่อองค์ใหญ่ สร้างด้วยโลหะหนัก 9 โกฏิตำลึง (“ตื้อ” เป็นคำในภาษาไทยเหนือ แปลว่า หนักพันชั่ง) พระญาเมืองแก้ว กษัตริย์องค์ที่ 13 แห่ง ราชวงศ์เม็งราย โปรดเกล้าฯ ให้สร้าง เพื่อเป็นพระองค์ประธานใน วัดพระสิงห์ แต่เนื่องจากมีน้ำหนักมากไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้ จึงได้ถวายเรือนหลวงของพระองค์เป็นพระวิหาร พระราชทานชื่อว่า “วัดเก้าตื้อ” แทน หลังจากนั้นผมก็เดินไปชมวิหารหลังใหญ่ที่สุดของเมืองเชียงใหม่ ภายในวิหารประดิษฐานพระประธาน “พระเจ้าค่าคิง” พระพุทธรูปปางสมาธิ และใช้เวลาในวิหารค่อนข้างนานครับ ด้านหลังเป็นพระเจดีย์ใหญ่ทรงลังกา สีเหลืองทองอร่ามสวยงามมากๆ ภายในพระเจดีย์มีพระบรมสารีริกธาตุ ถือจุดเริ่มต้นของความรุ่งเรืองของพุทธศาสนาลัทธิลังกาวงศ์ เป็นศูนย์กลางการเรียนรู้พุทธศาสนาในล้านนา บริเวณด้านข้างเจดีย์ทรงลังกา ก็จะเห็นเป็นเจดีย์หรือกู่ทรงต่างๆ เล็กใหญ่สีขาว ดูแล้วสวยงามดีครับ แต่ที่เห็นนั้นคือกู่เจ้านายฝ่ายเหนือ แต่ละกู่จะมีอัฐิของต้นตระกูลเชียงใหม่ เก็บไว้มีชื่อบอกด้วยครับ
วิหารวัดสวนดอกหลังใหญ่ที่สุดในเชียงใหม่
กู่เจ้านายฝ่ายเหนือ ของแต่ละพระองค์
หลังจากนั้นผมก็ไปต่อที่วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร นั่งรถแดงไปครับ 30 บาท ไปไหว้พระธาตุประจำปีเกิดผม ปีมะโรงนั้นเอง ตามความเชื่อของคนล้านนาที่ถือว่าการได้วัดพระธาตุประจำปีเกิดจะทำให้เกิดมงคลในชีวิต ขอบอกก่อนครับว่าในเชียงใหม่มีวัดประจำปีเกิดอยู่ 5 แห่งผมจำไม่ได้ ไว้คราวหน้าจะมาบอกอีกที วัดพระสิงห์ก็เป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองอีกวัดหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ ที่นักท่องเที่ยวทุกชาติ ต่างก็ต้องมาเที่ยว บางก็มาคุยกับพระ มีพระสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษได้ เป็นกิจกรรมดีๆ ที่ผมเห็นทุกครั้งที่มาเยือน
ด้านหน้าวัดพระสิงห์วรมหาวิหารถ่ายจากถนนราชดำเนิน
ภายในวัดพระสิงห์นอกจากพระธาตุประจำปีมะโรงแล้ว ภายในมีสิ่งก่อสร้างที่สวยงดงามน่าสนใจหลายจุดเช่น
วิหารลายคำ ที่มีลวดลายปูนปั้นที่สวยงามประณีตบรรจงมากแสดงให้เห็นฝีมือของช่างในยุคนั้นว่าเจริญถึงที่สุดภายในวิหารลายคำมีพระพุทธสิหิงค์เป็นพระประธาน
หอไตรสร้างเป็นอาคารครึ่งตึกครึ่งไม้ ผนังด้านนอกประดับด้วยทวยเทพปูนปั้น ทำเป็นรูปเทพพนมยืน บ้างก็เหาะประดับ อยู่โดยรอบ เป็นฝีมือช่างสมัยพระเมืองแก้ว ประมาณ พ.ศ. 2476 เจ้าแก้วนวรัฐได้ซ่อมแซมขึ้น
โบสถ์ เป็นอาคารรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีมุขโถงทั้งด้านหน้าด้านหลัง ลักษณะอาคารและการตกแต่งเป็น แบบศิลปะล้านนา โดยแท้
เที่ยวชมวัดแล้วนั่งเล่นในวิหารทำบุญกับพระในวิหาร มองดูนักท่องเที่ยวที่หลั่งไหลเข้ามาดูแล้วก็รู้สึกดีครับที่ศาสนาพุทธเจริญรุ่งเรือง
ตอนไปถึงในวัดพระสิงห์ มีงานบุญคนเยอะครับ
ต่อจากวัดพระสิงห์ก็ไปวัดสุดท้ายที่ วัดชัยมงคล วัดนี้ติดแม่น้ำปิงสายหลักของเมืองเชียงใหม่ ไปไหว้พระพุทธชัยมงคล ปางมารวิชัย ที่เป็นพระประธานภายในวิหารหลังเก่าแก่มากเรื่องราว แล้วสักการะเจดีย์วัดชัยมงคล เดินชมสิ่งก่อสร้างเก่าแก่ภายในวัดที่เป็นศิลปะพม่า-มอญ สวยงามครับวัดนี้ผมชอบ จากนั้นก่อนกลับ เดินไปยังริมแม่น้ำปิงปล่อยปลา ปล่อยเคราะห์สักหน่อยให้สบายใจครับ
สุดท้ายจากวัดชัยมงคลเดินทางสู่ตลาดวโรรส ใช้เวลาเพียงแค่10 นาที ตลาดแห่งนี้เป็นตลาดใหญ่ของเมืองเชียงใหม่ ใครๆ มาก็ต้องมาแวะที่ตลาดแห่งนี้เพื่อมาซื้อของฝากติดไม้ติดมือ หรือซื้อชิมที่ตลาดนี่เลยครับ ในตลาดก็มีสินค้าทุกแนว เสื้อผ้า ของใช้ ของกิน ผลไม้ อาหารสด อาหารแห้งมีหมด ของฝากที่ขึ้นชื่อของตลาดนี้คือ น้ำพริกหนุ่ม เครื่องแกง แคปหมู ใส้อั่ว ผลไม้อบแห้ง ซื้อแล้วทางร้านมีบริการแพ็คใส่กล่องให้อย่างคนรู้ใจ
(ถนนช้างม่อยไปกาดหลวง ตลาดวโรรส)
จากตลาดก็มุ่งหน้าสู่สนามบินเชียงใหม่ใช้เวลาเกือบ 25 นาที คราวนี้นั่งรถแดงไปแพงหน่อยครับ จำไม่ได้ว่า 150 หรือ 200บาท ถือเป็นอันจบทริปสบายๆ ใน 1 วัน จากการจองตั๋วไปกลับ จาก Traveloka เพื่อนๆ สามารถมาเที่ยวเชียงใหม่แบบนี้กันได้ครับ