อลังการแห่งขุนเขาของเมืองไทย…….
มีขุนดอยทางภาคเหนือที่สูงที่สุดในประเทศไทย ได้แก่ ดอยอินทนนท์ ที่มีความสูงถึง 2,565 เมตร จากระดับน้ำทะเล เป็นขุนดอยป่าต้นน้ำที่มีความสมบูรณ์แห่งหนึ่งหนึ่งของภาคเหนือ และมีศักยภาพทางธรรมชาติที่มีความงดงามสังคมพรรณพืชเฉพาะถิ่นบนดอยสูง
รองลงมาเป็นอันดับ 2 คือ “ดอยฟ้าห่มปก” ที่มีความสูง 2,288 เมตรจากระดับน้ำทะเล และรองเป็นอันดับ 3 ก็ต้องแนะให้รู้จัก “ดอยเชียงดาว” สูง 2,225 เมตร จากระดับน้ำทะเล ตั้งอยู่ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ทั้งสิ้น
ด้วยความใฝ่ฝันของนักเดินทางรุ่นใหม่ที่ต้องการศึกษาธรรมชาติในเส้นทางป่าเขาที่ท้าทาย ในรูปแบบการของการเดินป่าระยะไกลที่มุ่งสู่ยอดดอยสูงของดอยหลวงเชียงดาว นั่นคือ ความใฝ่ฝันที่ผสมผสานด้วยด้วยความยากลำบากของสภาพป่าธรรมชาติของป่ากึ่งอัลไพน์
ถ้ามองจากระยะไกลจะเห็นดอยเชียงดาวยืนตระหง่านค้ำผืนฟ้า มียอดดอยสูง 3 ยอด ประกอบด้วยยอดเขารูปกรวยคว่ำ ที่เกิดการกัดกร่อนจนปรากฏเป็นยอดแหลม สูงต่ำโดดเด่น มีระดับความสูงใกล้เคียงกันคือ ดอยหลวงเชียงดาว 2,255 เมตร ดอยกิ่วลม 2,140 เมตร อยู่บริเวณกลางโค้งเกือกม้า ดอยเหนือหรือดอยพีระมิด 2,175 เมตร
มีดอยหนอก ที่สูงประมาณ 2,000 เมตร อยู่ปลายเกือกม้าด้านทิศเหนือและดอยสามพี่น้องมีความสูงอยู่เคียงกัน คือ สูง 2,150 เมตร, 2,080 เมตร และ 2,060 เมตร และดอยหลวง 2,100 เมตร อยู่บริเวณปลายเกือกม้าด้านทิศใต้
นี่คือ สภาพภูมิประเทศอันเป็นภาพรวมของเทือกดอยเชียงใหญ่ที่เป็นกำแพงภูเขาที่สูงใหญ่ เพื่อเป็นข้อมูลพื้นฐานของการศึกษา และเพื่อเตรียมไปสัมผัสของจริงที่จะได้รู้ว่าในอาณาจักรขุนดอยป่ากึ่งอัลไพน์นี้มีอะไรน่าสนใจบ้าง
ในพื้นที่ดอยเชียงดาวที่ได้จัดประกาศให้เป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดอยเชียงดาว ที่ถือว่าเป็นผืนป่าอนุรักษ์ที่ควรแก่ศึกษาแห่งนี้ ในอดีตที่เคยพบ “ผีเสื้อสมิงเชียงดาว” อันเป็นสายพันธุ์ผีเสื้อภูฐานที่พบเพียงแห่งเดียวในเมืองไทย และปัจจุบันก็สูญพันธุ์ไปแล้ว
นอกจากนี้ป่าดอยเชียงดาว ยังเป็นแหล่งอาศัยของสัตว์หายาก ประเภทสัตว์ป่าสงวนที่พบอยู่ 2 ชนิด คือ กวางผา และเลียงผา ที่อยู่ในสถานะที่ถูกรบกวนทั้งทางตรงโดยการล่า และทางอ้อมจากการบุกรุกทำไร่เลื่อนลอยจากกลุ่มชาวเขา
บทบันทึกการเดินทางสู่ดอยเชียงดาวอาจเป็นบทเรียนบทที่สองของนักเดินทางรุ่นใหม่ๆ ที่ได้เริ่มมาจากภูกระดึง ย่อมความแตกต่างกันหลายเรื่อง โดยเฉพาะในพื้นที่ดอยดอยสูง ที่ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นใดๆ น้ำที่ต้องการใช้สอยก็ต้องจ้างลูกหาบแบกไป คนหนึ่งก็แบกได้ไม่เกิน 20 ลิตร มีน้ำหนักอยู่ประมาณ 20 กิโลกรัม เมื่อเราอยู่บนยอดดอยเชียงดาวแล้วทำให้มีความรู้จักคุณค่าของน้ำมากขึ้น
โปรแกรมการเดินทางสู่ยอดดอยเชียงดาวก็ได้ถูกกำหนดขึ้นมาแล้ว โดยมี แกละ แปดริ้ว หรือ ปรีชา จักษุ คนนำทางป่าดอยเชียงดาวที่มีความช่ำชองและรอบรู้ในพื้นที่มาช้านาน ทำให้เรามีความมั่นใจต่อการท่องเที่ยวดอยเชียงดาวมากขึ้น
ช่วงหน้าหนาวสภาพอากาศก็แลดูสดใส ท้องฟ้าสีครามเข้ม มองผ่านแนวป่าสนสามใบที่เรียงรายอยู่ตามแนวสันเขาที่เริ่มออกเดินทางจากหน่วยฯ เด่นหญ้าขัด หรือหน่วยขุนห้วยแม่กอก สภาพเส้นทางก็เป็นเส้นทางสบายๆ เดินเลียบเลาะตามไปตามไหล่ดอย ที่ยังสภาพป่าที่สมบูรณ์ของลักษณะป่าเบญจพรรณสลับด้วยป่าสน มองไปข้างหน้าจะเห็นเหลี่ยมยอดสามพี่น้องตระหง่านเสียดฟ้าอยู่ไม่ไกลนัก
บริเวณเชิงดอยสามพี่น้องจะเป็นพื้นที่หมู่บ้านเก่าของชาวเขาเผ่าลีซอที่ได้อพยพออกไปแล้วจึงเหลือเพียงไร่ร้าง มีสภาพธรรมชาติประกอบยืนต้นบางประเภทที่ยังเหลืออยู่บ้างคือกล้วย ต้นท้อ ปัจจุบันก็เป็นที่รู้จักของหมู่นักท่องเที่ยว ว่าในบริเวณ “ดงท้อ” เชิงดอยสามพี่น้องเป็นจุดแรมทางของนักเดินทางสู่ยอดเชียงดาว บริเวณนี้จัดว่าเป็นทำเลที่ดีมองเห็นเทือกดอยสามพี่น้องได้ชัดเจน
เทือกดอยสามพี่น้อง จะมีลักษณะเป็นยอดเขาเรียงรายกันสามยอด บริเวณยอดบนสุดจะเป็นหุบแอ่งที่ราบ ยอดเขาสามพี่น้องจะมีความสูงแตกต่างกัน โดยเรียงจากยอดแรกสูง 2,060 เมตร ถัดต่อมาสูง 2,150 เมตร อีกยอดหนึ่งสูง 2,080 เมตร จากระดับน้ำทะเล และยังมีกลุ่มยอดเขาใกล้ๆ กัน มีชื่อว่า ดอยหลวง มีความสูงถึง 2,100 เมตร จากระดับน้ำทะเล จึงเป็นความสูงที่เล่นเอาเหนื่อยทีเดียว ถ้าหากอยากขึ้นไปยังยอดดังกล่าว
การเดินทางสู่ยอดดอยเชียงดาวมีเป้าหมายว่าในวันนี้เราต้องเดินไปให้ถึงอ่างสลุง แม้ว่าจะต้องใช้เวลาเดินทางประมาณ 6 ชั่วโมง หมายความว่าพวกเราเริ่มเดินทางตั้งแต่เที่ยง กว่าจะถึงก็ 6 โมงเย็น ถือเอาว่าเราเหนื่อยเพียงแค่วันแรก จากนั้นก็สบายๆ เพราะอยู่ในบริเวณเป้าหมายแล้ว แต่จะมีนักท่องเที่ยวบางกลุ่มที่ไม่เร่งรีบหรือเดินช้า จะเลือกแวะพักระหว่างทางแถวดงน้อย
ยังมีเส้นทางเดินขึ้นยอดเชียงดาว เริ่มจากบ้านนาเลา เดินขึ้นเขายาว ร่วม 2 ชม. จนถึงบริเวณป่ากล้วย แล้วตัดเข้าเส้นทางหลักที่มาจากเด่นหญ้าขัด เลี้ยวแยกซ้ายขึ้นดอยเชียงดาวได้ ปัจจุบันนักท่องเที่ยวก็นิยมเส้นทางนี้มากขึ้น
สภาพเส้นทางเดินสู่ดอยเชียงดาวนั้นค่อนจะลาดชันไปทีละน้อย เส้นทางค่อนข้างแคบและรกด้วยพงหญ้าสองข้างทาง จนกระทั่งมาถึงดงน้อยจะเป็นจุดพักค้างแรมอีกหนึ่ง ประกอบด้วยดงป่าไม้ที่หนาตาสักหน่อย รวมไปถึงต้นนางพญาเสือโคร่ง หรือซากุระกำลังผลิดอกบานเป็นสีสดใสประดับอยู่ทั่วราวป่า พร้อมกับเสียงเซ็งแซ่ของหมู่นกหลากที่กำลังกินดอกไม้น้ำหวานจากดอกซากุระ จนพวกเราอดใจไม่ไหวขอปักหลักส่องดูนกอยู่พักหนึ่ง
ลำแสงพระพระอาทิตย์ได้สาดฉายแสงมาจากด้านหลังยอดดอยสามพี่น้อง ก่อนที่จะลับเหลี่ยมเขา คงอีกไม่นานนักก็คงจะพลบค่ำ เราเองคาดหมายว่าต้องไปถึงอ่างสลุงได้ทันก่อนมืดอย่างแน่นอน
ผ่านกิ่วป่าคามาแล้วก็เริ่มเข้าสู่ป่าทึบ อันเป็นบริเวณที่เรียกว่า “ดงเย็น” ที่มีสภาพเป็นป่าทึบมีขนาดไม่กว้างใหญ่มากนัก เพียงแค่ไม่กี่นาที เราสามารถเดินทะลุป่าทึบออกมายังทุ่งหญ้าโล่งกว้าง ในบริเวณดงเย็นจะเป็นป่าทึบ ในบริเวณชายป่าเราได้พบพันธุ์ไม้หลายชนิด อย่างเช่น กุหลาบเชียงดาว พบตามชายป่าทึบและพงหญ้าสูง ชมพูพิมพ์ใจ พบในระดับความสูงประมาณ 2,000 เมตร เป็นช่อดอกสีชมพูสวย แล ะ ชมพูเชียงเชียงดาว มีดอกเป็นสีชมพูขึ้นตามกอหญ้า และไม้พุ่มเตี้ยๆ
จากดงเย็นอีกไม่ไกลก็ถึงเป้าหมายที่อ่างสลุง กำลังใจได้ฮึดสู้อีกครั้ง เพียงไม่ถึง 10 นาที เราก็มาถึงเป้าหมายได้สำเร็จ จึงเป็นช่วงเวลาพอดีที่พระอาทิตย์กำลังจะเคลื่อนคล้อยลงต่ำ
สีสันยามพลบค่ำเหนือดอยสูง คือภาพความงดงามที่ยิ่งใหญ่ ยอดดอยสูงที่สลับซับซ้อนของดอยสามพี่น้อง ดอยหนอก ดอยปิระมิด คือเสน่ห์ความงดงามที่เราสามารถสัมผัสเห็นในเย็นวันแรกที่เดินทางมาถึงอ่างสลุงพร้อมกับสายลมหนาวอันเย็นยะเยือก วัดอุณหภูมิในช่วงตอนพลบค่ำได้ 5 องศาเซลเซียส แล้วถ้าเป็นตอนกลางคืนหรือตอนดึกจะมีอุณหภูมิลดลงเหลือเท่าไหร่
ดังนั้นเราจึงคว้าอุปกรณ์กันหนาวออกมาสวมใส่อย่างครบครัน เสื้อผ้ากี่ตัวก็นำมาใส่จนหมด ถุงมือ ถุงเท้า หมวกไอ้โม่งหนาว ต่างมีประโยชน์ทั้งสิ้น
ยิ่งดึกยิ่งหนาวมาก หลับบ้างตื่นบ้าง เช้าขึ้นมาเราต้องตื่นตั้งแต่ตี 5 เพื่อขึ้นไปชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ยอดดอยเชียงดาวอุณหภูมิในตอนเช้ามืดอย่างนี้นาฬิกาที่วัดอุณหภูมิได้ 0 องศาเซลเซียส โอกาสที่เราจะได้เห็นแม่คะนิ้ง เป็นน้ำค้างย่อมได้เห็นอย่างแน่นอน
จากยอดสูงสุดของดอยเชียงดาว เรามองเห็นยอดเขาที่ทะมึนเหยียดเสียดฟ้าของดอยสามพี่น้องที่อยู่ทางด้านซ้ายมือ และมีดอยปิระมิด อยู่ทางด้านขวามือ ถัดไปด้านหลังดอยทั้งสองกลุ่มจะมีทะเลหมอกอยู่บางๆ ยังไม่แน่นหนาถูกใจเท่าที่ควร และเมื่อหันไปทางด้านตะวันออก ทางด้านหลังเทือกดอยกิ่วลมจะเกิดเป็นกลุ่มทะเลหนาตาพอสมควร
ในโมงยามเช้า ท้องฟ้าเป็นสีคราม ภาพทิวทัศน์จากยอดสูงสุดของดอยเชียงดาวจะมองเห็นเทือกเขาสลับซับซ้อนอยู่รอบด้าน ดอยเชียงดาวในวันนี้ดูเหมือนจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเลย แต่เท่าที่สังเกตพบว่าหมู่ดอกไม้จำพวก ชมพูพิมพ์ใจ สีสันสวยที่ขึ้นตามป่าหิน และถ้าเราสังเกตให้ดีก็จะพบความมหัศจรรย์ของ ฟองหินเหลือง ขึ้นอยู่ตามโขดหิน จัดว่าเป็นพันธุ์ไม้ที่หายาก พบได้เฉพาะที่ดอยเชียงดาว จะผลิดอกบานในช่วงเดือนพฤศจิกายน ถึงเดือนมกราคม
ภาพทิวทัศน์อันกว้างใหญ่เหนือยอดดอยเชียงดาว เราสามารถพบเห็นขุนเขาสลับซ้อน มองไปเห็นหุบเชียงดาว หุบเมืองคอง มองเท่าไหร่ก็ไม่เบื่อ ยิ่งในช่วงเช้าจะมีสายหมอกล่องไหลอิงแอบยอดดอยสูงก็เป็นภาพประทับใจที่ได้มาพบเห็น
กลับลงมาที่พักหลังจากอาหารเช้าแล้ว พวกเราก็ตระเวนเที่ยวชมดูนก ดอกไม้ในบริเวณใกล้กับที่พัก ก็พบว่าตามบริเวณป่าดิบหรือแถวดงน้อยก็มีนกที่พบก็เป็นนกปรอดธรรมดาๆ นกแซงแซวสีเทา นกแซงแซวหงอนขน และตรงที่พักก็มี นกยอดหญ้าหลังดำ บินโฉบไปโฉบมาส่งเสียงเรียกหาคู่อยู่จากเราประมาณ 3-4 เมตร
ช่วงกลางวันเราก็เดินไปยังดอยกิ่วลม เป็นสันดอยอีกหนึ่งที่น่าสนใจ เพราะเป็นแหล่งศึกษาพรรณไม้ป่าเชียงดาวได้ดีอีกแห่งหนึ่ง จากอย่างสลุงก็เดินไปไม่ไกล ด้านบนยอดเขาจะเป็นป่าหิน จะพบ เทียนเชียงดาว เป็นดอกไม้หายากที่พบเฉพาะที่เชียงดาวเท่านั้น, หรีดเชียงดาว เป็นพันธุ์ไม้เฉพาะถิ่นเชียงดาวอีกชนิดหนึ่ง มีดอกสีอมม่วง
เมื่อขึ้นไปบนสันดอยกิ่วลมที่มีลักษณะเป็นป่าหินก็จะพบ แสงแดง เป็นพันธุ์ไม้หายาก และยังมี ดอกฟ้าคราม บานกระจายไปทั่วป่าหินและพบเป็นพุ่มใหญ่ก็เป็น ดอกเหยื่อจง หรือเหยื่อเลียงผา หรือเทียนหมอคาร์ เป็นพืชเฉพาะถิ่นเชียงดาวอีกเช่นกัน ความหลากหลายของพืชพรรณไม้ดอยเชียงดาวมีมากมาย จนเกินกว่าที่เราจะจำแนกได้หมดสิ้น ส่วนใหญ่มักพบเห็นในบริเวณทำเลที่เราสามารถเดินไปถึง ไม่ยากลำบากนัก
แสงสีทองในยามเย็นได้สาดฉายแสงปกคลุมทั่วขุนดอย ต้นไม้ต้นหญ้าบนดอยเชียงดาวได้ถูกฉาบเป็นสีเหลืองทอง จนกระทั่งพระอาทิตย์ได้ลาลับขอบฟ้าไปแล้ว มองเห็นยอดดอยเป็นเงาดำท่ามกลางฉากหลังของผืนฟ้าที่สวยงาม
พลังแห่งสีสันในช่วงพลบค่ำได้บังเกิดเป็นสีสันที่สวยงามปกคลุมผืนฟ้าด้านตะวันตก อันเป็นสัญญานสุดท้ายของการสิ้นสุดของวันเวลาไปอีกวันหนึ่ง วันรุ่งขึ้นเราอาจได้พบแสงตะวันใหม่ที่ดอยเชียงดาว ถ้าใครขยันขึ้นไปชมทะเลหมอกพระอาทิตย์ที่กิ่วลมก็ยังเวลาเพียงพอ ต่อจากนั้นก็ต้องเดินทางกลับทางเก่า มีให้เลือกระหว่างบ้านนาเลา หรือเด่นหญ้าขัด ส่วนทางลงบ้านถ้ำ เดี๋ยวนี้เขาห้ามลง ไม่รู้ด้วยเหตุผลอันใด
เรื่องราวการเดินทางสู่เส้นทางธรรมชาติของป่าดอยหลวงเชียงดาว จัดว่าเป็นเส้นทางที่เหมาะต่อการศึกษาธรรมชาติของพืชพันธุ์ไม้ หมู่นกหลากชนิด และภาพบรรยากาศอันสวยงามที่เกิดขึ้นในช่วงฤดูหนาว แม้ว่าจะเป็นหนทางที่ยากลำบาก ไร้สิ่งอำนวยความสะดวกใดๆ ทั้งสิ้น แต่ก็คุ้มค่ากับการเดินทางที่เราได้พบเห็นความยิ่งใหญ่ของขุนเขาที่มีความสูงเป็นอันดับ 3 ของประเทศ
คู่มือการเดินทาง
เส้นทางการเดินทาง
การเดินทางสู่ยอดดอยเชียงดาวมีหลายเส้นทางให้เลือก ทว่าในเส้นทางที่สะดวกที่สุดก็มีเพียงเส้นทางเดียวคือ เส้นทางสายบ้านแม่นะ-เด่นหญ้าขัด เริ่มจากเส้นทางหลวงหมายเลข 107 เชียงใหม่-ฝาง ประมาณหลัก กม.ที่ 71-72 อยู่ก่อนถึงตัวอำเภอเชียงดาวเล็กน้อย
จากหน่วยฯ เด่นหญ้าขัด จะเป็นจุดสิ้นสุดทางรถยนต์ จากนั้นจะต้องเดินเท้าไปยังยอดดอยหลวงเชียงดาวที่ต้องใช้เวลาเดินเท้าประมาณ 5-7 ชม. ขึ้นอยู่กับความสามารถในการเดินของแต่ละคน โดยเฉลี่ยแล้วก็ประมาณ 6 ชั่วโมง ก็ถึงที่พักตั้งแค้มป์ที่อ่างสลุง และเส้นทางเดินกลับ ลงบ้านนาเลา
หรือเดินขึ้นเส้นทางบ้านนาเลา ป่ากล้วย อ่างสลุง ลงเด่นหญ้าขัด หรือเดินขึ้นทางบ้านนาเลา ลงบ้านนาเลา
จุดพักแรม
เส้นทางสู่ยอดเชียงดาว เริ่มจากหน่วยฯ เด่นหญ้าขัด จนถึงอ่างสลุง จะมีบริเวณที่พักค้างแรมอยู่หลายจุด เช่น หน่วยฯ เด่นหญ้าขัด, จุดพักดงท้อ, จุดพักดงน้อย, จุดพักดงเย็น, จุดพักอ่างสลุง 1 และจุดพักอ่างสลุง 2 แต่ละจุดแต่ละแห่งนั้นจะไม่มีแหล่งน้ำ ยกเว้นที่หน่วยฯ เด่นหญ้าขัดที่มีแหล่งน้ำสมบูรณ์ที่สุด ฉะนั้นจึงต้องเตรียมน้ำดื่มและน้ำสำหรับหุงต้มมาให้เพียงพอ
การเตรียมน้ำ
เนื่องจากเป็นดอยที่มีสภาพภูมิประเทศเป็นเทือกเขาหินปูน พื้นดินจะไม่อุ้มซับน้ำ จึงไม่มีแหล่งน้ำบนยอดดอยเชียงดาว ดังนั้นเราจึงต้องเตรียมน้ำไปให้เพียงพอกับช่วงเวลาการเดินทางพักค้างแรม เราควรจ้างลูกหาบแบกน้ำ คนหนึ่งแบกน้ำได้ 20 ลิตร น้ำเหล่านี้จึงควรใช้อย่างคุ้มค่าคือใช้หุงต้ม ดื่ม และแปรงฟันเท่านั้น
นักท่องเที่ยวแต่ละคนจะช่วยแบกเพิ่มเติมหรือพกติดตัวไปคงได้คนละ 2-3 ลิตร หรือ 2-3 ขวด การใช้น้ำก็ประหยัดอย่างเท่าที่จำเป็นและควรเตรียมน้ำไปให้เพียงพอ
อาหาร
ควรจัดเตรียมให้รัดกุม พิจารณาเลือกอาหารที่มีน้ำหนักน้อย เป็นอาหารค่อนข้างสำเร็จรูปสามารถทานได้เลย หรือนำไปปรุงอีกนิดก็ทานได้ หากเป็นอาหารที่ใช้น้ำน้อยก็ยิ่งเหมาะ เน้นให้เป็นอาหารที่ใช้น้ำไม่เปลือง น้ำที่นำขึ้นไปมาค่ามาก ใช้ดื่มกิน ปรุงอาหาร และแปรงฟันเท่านั้น ถ้าจะล้างหน้าก็ใช้ผ้าเย็น
เครื่องกันหนาว
เนื่องจากดอยเชียงดาวมีสภาพอากาศที่หนาวเย็นมาก เย็นตลอดทั้งปี ยิ่งเป็นช่วงหน้าหนาวอุณหภูมิจะลดต่ำกว่า 0 องศาเซลเซียส หรือติดลบ เพราะทุกปีจะมีน้ำค้างแข็ง หรือแม่คะนิ้ง เกาะตามยอดหญ้า ดังนั้นนักท่องเที่ยวต้องเตรียมอุปกรณ์กันหนาวไปให้เพียงพอ คือถุงมือ ถุงเท้าใส่นอนอย่างน้อย 2 คู่ เสื้อยืดแขนยาว เสื้อไหมพรม เสื้อแจ็คเก็ตกันหนาว รวมไปถึงหมวกไหมพรม ถุงนอน ถือว่าจำเป็นมากๆ ต้องหนาสักหน่อย และควรมีเต็นท์ไปด้วย
ฟืน-ไฟ
เมื่อเข้าป่าก็ต้องมีการเตรียมอุปกรณ์ฟืนไฟไปให้พร้อม ไฟฉายควรมีไปทุกคนพร้อมทั้งถ่านและหลอดไฟสำรอง ไฟแช็คควรติดตัวทุกคน
ป่าดอยเชียงดาวนั้นมีต้นไม้น้อยมาก เราควรมารณรงค์ให้หันมาใช้เตาแก๊ส เตาปิคนิค หรือเตาน้ำมัน ที่เราสามารถแบกขนขึ้นไป อุปกรณ์เหล่านี้ก็มีขนาดเล็ก น้ำหนักเบา สามารถพกพาได้สะดวก และช่วยลดการใช้ทรัพยากรไม้จากป่าได้ไม่น้อย
การติดต่อ
การขึ้นยอดดอยเชียงดาวต้องทำเรื่องขออนุญาตได้ที่ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดอยเชียงดาว อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ เสียก่อน โดยทำเรื่องยื่นขอได้ที่ที่ทำการเขตฯ เพื่อนำใบสป.7 ไปยื่นที่ด่านแม่ตะมาน แล้วนำไปยังหน่วยฯ เด่นหญ้าขัด เพื่อความสะดวกในขณะที่ติดต่อลูกหาบหรือคนนำทาง ก็วานให้เขาทำเรื่องไว้ล่วงหน้า
การติดต่อลูกหาบ-คนนำทาง สามารถติดต่อไปยังคุณแกละ แปดริ้ว หรือ ปรีชา จักษุ เขาจะจัดลูกหาบให้ตามความต้องการ หรือจะให้เหมาการบริการให้ทั้งหมดเลยก็ได้ ทั้งอาหาร ที่พัก ลูกหาบ คนนำทาง รถขึ้นดอย
ค่ารถ 4WD จากอำเภอเชียงดาวขึ้นดอยไปยังหน่วยฯ เด่นหญ้าขัด จะต้องใช้รถ 4WD หรือรถท้องถิ่นกำลังเครื่องยนต์ดี มีความชำนาญเส้นทาง