วิหารหลังใหญ่ในวัดทรายมูล สันกำแพง
ในจังหวัดเชียงใหม่มีชื่อที่เหมือนกันกับวัดวัดทรายมูล หลายแห่งครับ เช่นที่อำเภอหางดง ในเมืองมีวัดทรายมูลพม่า ที่อำเภอแม่ริมก็มี แต่ที่ท็อปเชียงใหม่พามาชมวันนี้อยู่ที่อำเภอสันกำแพง
วัดทรายมูลสันกำแพง เป็น วัดราษฎร์ มหานิกาย ได้รับอนุญาตตั้งเป็นวัด พ.ศ. 2465 ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา พ.ศ. 2470 และมี พระครูพิพิธสุภาจาร สุภาจาโร เจ้าอาวาสวัดทรายมูล
ในอำเภอสันกำแพง มีวัดที่มีชื่อเสียงหลายแห่ง 1ในนั้น คือวัดทรายมูล ที่ครูบาศุข และศรัทธาประชาชนช่วยเหลือกันในการพัฒนาสร้างวัด บนที่ดอนทรายท่ามกลางป่าไม้สันก้างปลา และสร้างเสนาสนะมาโดยลำดับจนถึงปัจจุบันนี้จนมีชื่อเสียง
ภายในวัดทรายมูล สันกำแพง มีสิ่งก่อสร้างหลายอย่าง มีความสวยงาม เช่น วิหารหลังใหญ่ พระอุโบสถ ซุ้มประตูวัดที่ใหญ่และสวย องค์พระเจดีย์ และยังมีพิพิธภัณฑ์ให้ชมอีกด้วย
ประวัติความเป็นวัดทรายมูล
วัดทรายมูล ก่อตั้งเมื่อ พ.ศ. 2246 แต่เดิมชื่อว่า วัดสันก้างปลาเพราะเรียกชื่อตามหมู่บ้าน แต่เดิมนั้นเป็นป่าไม้ก้างปลี่เกิดขึ้นที่ดอนทราย ที่น้ำแม่ออนพัดพามา ชาวบ้านในสมัยนั้นช่วยกันแผวถ้างสร้างโรงกระต๊อบมุงด้วยใบจาก ใช้เป็นโรงปฏิบัติธรรมของพระสงฆ์และศรัทธาทายกทายิกาศรัทธาที่อุปถัมภ์วัด
วัดทรายมูล แต่เดิมมีการบออกเล่าสืบต่อกันมา และอ้างประวัติศาสตร์ของเมืองเชียงใหม่ว่าสร้างขึ้นเมื่อสมัยเมืองเชียงใหม่ตกเป็นเมืองขึ้นของพม่า สมัยพระเจ้าตะเบงชะเวตี้ลิ้นคำ ตั้งแต่ พ.ศ. 2101 ถึง พ.ศ. 2317 เป็นเวลา 216 ปี มีพระยาสุรวะฤาชัยสงคราม (หนานติ๊บช้าง) กู้เอกราชพร้อมกับพระเจ้าตากสิน ช่วยกันกอบกู้เมืองเชียงใหม่ ปี พ.ศ. 2317 ในสมัยนั้นเชียงใหม่ยังตกเป็นเมืองขึ้นของพม่าอยู่ ในสมัยที่เจ้าแรนร่าเป็นเจ้าเมืองเชียงใหม่องค์ที่ 11 ซึ่งเป็นคนพม่าและมีเจ้าเมืองสืบต่อมาอีก 6 องค์ โดยได้ยึดคืนได้
ต่อมาในปี พ.ศ. 2341 พระยากาวิละได้รวบรวมคนจากเมืองต่างๆ เหล่านั้นไว้เมืองเชียงใหม่หลังจากที่พม่าพ่ายแพ้แล้ว เมืองเชียงใหม่ตกเป็นเมืองร้างไม่มีผู้คนอาศัยอยู่ โดยไปต้อนผู้คนจากเมืองปุ เมืองสาด เมืองแจด เมืองกึง เมืองกุน มารวมเมืองเชียงใหม่
ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2342 ไปตีเอาชาวเมือง (ตอนเอาผู้คน) ในรัฐฉานมาไว้ที่วัวลาย นันตาสี่เหลี่ยม บ้านสะต่อย สร้อยไร่ ท่าร้างบ้านนา ทุ่งอ้อ และไปตีเอาเมืองเชียงตุง เมืองเชียงรุ้ง แคว้นต่างๆ ในสิบสองปันนามาถึงหัวเมืองบนถึงฝั่งแม่น้ำสาละวิน โดยเฉพาะเขตน้ำหนังดินล้านนามาก่อนรวม 57 หัวเมือง
ชาวทรายมูลแต่เดิมนั้นเป็นชาวไตเขินที่ถูกกวาดต้อนมาพร้อมกับชาวเขินบ้านสันก้างปลา บ้านมอญ บ้านสันกลางเหนือ และอีกหลายแห่งที่พลัดถิ่นอยู่กันคนละอำเภอ แต่ได้รับอิทธิพลในสมัยนั้น คือการอยู่รวมกันเป็นกลุ่มก้อน และมีวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ เช่น วัฒนธรรมการพูด การทำอาหาร การแต่งกาย การก่อสร้างบ้านเรือน และประเพณีพิธีกรรมทางพระพุทธศาสนา เป็นต้น