ประเพณีลอยกระทง

ในทุกๆ ปี จังหวัดเชียงใหม่จะมีการจัดงานประเพณีลอยกระทง สร้างความประทับใจแก่นักท่องเที่ยวมากมาย สถานที่จัดงานหลักๆ ก็ถนนช้างคลาน ย่านไนท์บาซาร์ลานท่าแพ  มีการปล่อยโคมลอย การแสดงศิลปวัฒนธรรมล้านนา และขบวนแห่กระทงขบวนโคมยี่เป็ง ส่วนนอกเมืองก็จะมีงานตามวัดวาต่างๆ  สถานที่ราชการ มีการละเล่น แสดงแสงสีเสียงคึกคักไปทั่วเมือง พร้อมกับเสียงจุดปะทัด จุดพุ ดังทั้งวันทั้งคืนอย่างต่อเนื่อง  ในวันลอยกระทงนี้นอกจากจะเป็นการขอขมาต่อเจ้าแม่คงคง แล้ว คู่หนุ่มสาวหลายคนอาจจะนำมาเป็นวันจีบกันอีกวันหนึ่ง  ซึ่งท็อบเชียงใหม่ยังอยากให้ทราบถึงประวัติของประเพณีลอยกระทงกันบ้าง

ลอยกระทงเชียงใหม่ (4) ลอยกระทงเชียงใหม่ (3)

คนไทยเราผูกพันกับสายน้ำมาตั้งแต่ครั้งโบราณ สายน้ำเป็นทั้งแหล่งบริโภค อุปโภค การเพาะปลูก ประกอบกับคนไทยในอดีตจะตั้งบ้านเรือนใกล้ๆ กับแหล่งน้ำ ทำให้คนไทยผูกพันกับสายน้ำอย่างแยกไม่ออก และเป็นที่มาของคติความเชื่อเกี่ยวกับสายน้ำหลายประการด้วยกัน

ในคืนวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 คืนที่พระจันทร์สว่างเต็มดวง สายน้ำหลากปริ่มตลิ่ง พร้อมกับแสงเทียนจากกระทงประดับดอกไม้ ธูปเทียนสว่างไสวอยู่ตามลำน้ำ เป็นช่วงเวลาของประเพณีสำคัญของสายน้ำอีกประเพณีหนึ่ง ประเพณีลอยกระทง

ลอยกระทงเชียงใหม่ (2) ลอยกระทงเชียงใหม่ (1)

เนื่องด้วยประเพณีลอยกระทงไม่ได้มีเฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น แต่ยังแพร่หลายในภูมิภาคเอเชียด้วยกัน ประเทศจีน ประเทศอินเดีย ประเทศลาว ประเทศกัมพูชา และประเทศพม่า คติความเชื่อ พิธีกรรมต่างๆ จึงแตกต่างกันไป

แม้แต่ในประเทศไทยเองก็ยังมีความเชื่อเกี่ยวกับประเพณีลอยกระทงหลายความเชื่อ อาทิ การลอยกระทงเป็นพิธีรับเสด็จพระพุทธองค์กลับลงมาจากสวรรค์หลังเสด็จไปโปรดพุทธมารดา บูชารอยพระพุทธบาท บูชาพระเกศแก้วจุฬามณีบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์  บางก็เชื่อว่าบูชาพระอุปคุตเถระ หรือเป็นการบูชาเทพเจ้าตามความเชื่อ แสดงความขอบคุณแม่พระคงคาที่ให้น้ำแก่มนุษย์ได้ดื่มกิน อุปโภค บริโภคและขอขมาที่ได้ทิ้งสิ่งปฏิกูลลงไป หรือบางแห่งก็เชื่อว่าการลอยกระทงเป็นการลอยเคราะห์ ลอยโศกทิ้งไป ดังจะเห็นได้จากที่มักจะมีการตัดเศษผม เศษเล็กใส่ไปกับกระทงด้วย

ลอยกระทงเชียงใหม่ (5)
บริเวณสะพานนวรัตน์เชียงใหม่

ลอยกระทงเชียงใหม่ (6)

จะเห็นว่าแต่ละคติความเชื่อที่กล่าวมาต่างก็มีจุดประสงค์คล้ายกัน คือ การแสดงเคารพ ความกตัญญูรู้คุณต่อสิ่งที่เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจมนุษย์ พระพุทธเจ้า เทพเจ้า แม่พระคงคา บรรพชน  แม้แต่ธรรมชาติ  และแสดงความระลึกถึงด้วยสิ่งสักการะดอกไม้ ธูปเทียน

ลอยกระทง

ส่วนที่ว่าทำไมกระทงจะต้องเป็นรูปดอกบัว เนื่องจากประเพณีลอยกระทงเป็นประเพณีที่มีมาครั้งโบราณแต่ไม่ปรากฏว่าเริ่มมาแต่เมื่อไหร่ ที่พอใช้เป็นหลักฐานอ้างอิงได้คือหนังสือตำรับท้าวศรีจุฬาลักษร์หรือตำนานนางนพมาศ ที่กล่าวถึงเหตุการณ์ในคืนวันเพ็ญเดือนสิบสอง พระมหาธรรมราชาลิไทยหรือพระร่วงแห่งสุโขทัย จะเสด็จประพาสทางน้ำ มีรับสั่งให้พระสนมนางในทั้งหลายประดิษฐ์กระทงดอกไม้ธูปเทียน นำไปลอยหน้าพระที่นั่ง  ท้าวศรีจุฬาลักษณ์จึงประดิษฐ์กระทงเป็นรูปดอกบัวกมุทขึ้น เนื่องจากเป็นดอกบัวที่บานในเวลากลางคืนและบานแค่ปีละครั้ง ควรค่าแต่งเป็นกระทงลอยเพื่อไปถวายสักการะรอยพระพุทธบาท   พระมหาธรรมราชาลิไทยจึงทรงมีพระราชดำรัสให้ กษัตริย์ไทยทุกพระองค์ เมื่อถึงวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 จะต้องเสด็จมาลอยโคมดอกบัวเพื่อถวายสักการะต่อพระพุทธบาทสืบไป ด้วยเหตุนี้ กระทงที่ใช้ลอยจึงมีหน้าตาคล้ายดอกบัวนั่นเอง

ปัจจุบันประเพณีลอยกระทงมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบให้เหมาะสมกับสถานการณ์ไปบ้าง แต่ยังคงรูปแบบประเพณีดั่งเดิมไว้ จากเดิมที่กระทงทำจากวัสดุธรรมชาติที่หาได้รอบตัว เช่น หยวกกล้วย หรือดอกบัว มาในยุคหนึ่งกระทงได้กลายเป็นกระทงโฟมซึ่งหลังจากลอยไปแล้ว กระทงโฟมไม่ย่อยสลายได้เอง กลายเป็นขยะตามแม่น้ำลำคลอง สร้างปัญหาขยะ ต่อมาจึงมีการรณรงค์ให้กลับมาใช้วัสดุธรรมชาติหรือวัสดุที่ย่อยสลายได้ เช่น กระทงขนมปังที่สามารถกลายเป็นอาหารของปลาได้

ประวัติความเป็นมาวันลอยกระทง

        วันลอยกระทง ตรงกับวันขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๑๒ เป็นประเพณีที่สืบทอดมาแต่โบราณโดยมีวัตถุประสงค์ที่หลากหลายเช่นลอยเคราะห์บูชาพระพุทธเจ้าแต่ปัจจุบันนิยมทำเพื่อขอขมา และระลึกถึงคุณแม่พระคงคา ที่ได้อำนวยประโยชน์ต่าง ๆ แก่มนุษย์ โดยประเพณีลอยกระทงมีมาตั้งแต่สมัยสุโขทัยประมาณ ๗๐๐ ปีมาแล้ว ประเพณีลอยกระทงได้เข้าสู่ประเทศไทยในสมัยกรุงสุโขทัยเป็นราชธานีประมาณ พ.ศ. ๑๘๐๐ ดังปรากฏในหนังสือนางนพมาศ ผู้เป็นพระสนมเอกของพระร่วงเจ้าว่า “ครั้นวันเพ็ญเดือน ๑๒ ข้าน้อยได้กระทำโคมลอย คิดตกแต่งให้งามประหลาดกว่าโคมสนมกำนัลทั้งปวงจึงเลือกผกาเกษรสีต่างๆ มาประดับเป็นรูปกระมุทกลีบบานรับแสงจันทร์ใหญ่ประมาณเท่ากงระแทะ ล้วนแต่พรรณดอกไม้ซ้อนสีสลับให้เป็นลวดลาย…” เมื่อสมเด็จพระร่วงเจ้าได้เสด็จฯทางชลมารค ทอดพระเนตรกระทงของนางนพมาศก็ทรงพอพระราชหฤทัย จึงมีพระราชโองการฯให้จัดพิธีลอยกระทงเป็นประจำทุกปี ในคืนวันเพ็ญเดือนสิบสองพระราชพิธีนี้จึงได้ถือปฏิบัติเป็นประจำจนกระทั่งบัดนี้

ลอยกระทงในอดีต

สีสันแห่งสายน้ำในคืนวันเพ็ญ

ประเพณีลอยกระทงมีมานานจนสืบประวัติไม่ได้ และไม่มีในคัมภีร์ทางศาสนาเสฐียรโกเศศ
(พระยาอนุมานราชธน) ได้ค้นคว้าที่มาของประเพณีลอยกระทงไทยทุกภาคตลอดจนถึงประเทศใกล้เคียงคือ พม่า กัมพูชา จีน อินเดีย ได้ความว่ามีประเพณีลอยกระทงทุกประเทศด้วยเหตุผลต่างๆ กัน

สรุปเหตุผลของการลอยกระทงในประเทศไทยดังนี้

๑.เพื่อขอขมาแม่คงคาเพราะได้อาศัยน้ำท่านกินและใช้และอีกประการหนึ่งมนุษย์
มักจะทิ้งและถ่ายสิ่งปฏิกูลลงไปในน้ำด้วย

๒.เพื่อสักการะรอยพระพุทธบาทนัมมทานทีซึ่งประพุทธเจ้าทรงประทับรอยพระบาทประดิษฐานไว้บนหาดทรายที่แม่น้ำนัมมทานที ในประเทศอินเดีย

๓.เพื่อลอยทุกข์โศกโรคภัย และสิ่งไม่ดี คล้ายกับพิธีลอยบาปของพราหมณ์

๔.เพื่อบูชาพระอุปคุตชาวไทยภาคเหนือให้ความเคารพแก่พระอุปคุตอย่างสูง
ซึ่งตามตำนานเล่าว่าเป็นพระมหาเถระรูปหนึ่งที่มีอิทธิฤทธิ์มากสามารถปราบพญามารได้

การลอยกระทงไม่มีพิธีรีตอง เพียงแต่ขอให้มีกระทงจะทำด้วยอะไรก็ได้ เช่น ใบตอง
ก้านกล้วย กาบพลับพลึง เปลือกมะพร้าว กระดาษ จุดธูปเทียนปักที่กระทงแล้วอธิษฐานตามที่ตนปรารถนา เสร็จแล้วจึงลอยไปที่แม่น้ำลำคลอง

ร่วมลอยกระทงกับนางนพมาศ

คำถวายกระทงสำหรับลอยประทีป วันลอยกระทง

มะยัง อิมินา ปะทีเปนะ นัมมะทายะ

นะทิยา ปุเลเนฐิตัง มุนิโน ปาทะวะลัญชัง อะภิปูเชมะ

อะยัง ปะทีเปนะ มุนิโน ปาทะวะลัญชัสสะ ปูชา

อัมหากัง ทีฆะรัตตัง หิตายะ สุขายะ สังฆวัตตะตุ

การลอยกระทงของชาวเหนือและอีสาน

การลอยกระทงของชาวเหนือ (ยี่เป็ง)

ประเพณียี่เป็ง (4)
การลอยกระทงของชาวเหนือ นิยมทำกันในเดือนยี่เป็ง (คือเดือนยี่หรือเดือนสอง เร็วกว่าของเรา ๒ เดือน)
เพื่อบูชาพระอุปคุตต์ซึ่งเชื่อกันว่าท่านบำเพ็ญบริกรรมคาถาอยู่ในท้องทะเลลึกหรือสะดือทะเลตรงกับคติ
ของชาวพม่า

การลอยกระทงในภาคอีสาน เรียกว่าเทศกาลไหลเรือไฟ

ลอยกระทง (2)


จัดเป็นประเพณียิ่งใหญ่ในจังหวัดนครพนม โดยการนำหยวกกล้วยหรือวัสดุต่าง ๆ มาตกแต่งเป็นรูปพญานาคและรูปอื่น ๆ ตอนกลางคืนจุดไฟปล่อยให้ไหลไปตามลำน้ำโขง ดูสวยงามตระการตา

กิจกรรม วันลอยกระทง

-นำกระทงไปลอยตามแม่น้ำลำคลอง หรือตามแหล่งน้ำที่มีการจัดพิธี

-ให้การสนับสนุนกิจกรรมต่าง ๆ ในวันลอยกระทง เช่น การประกวดกระทง การประกวดนางนพมาศ การละเล่นพื้นเมือง เช่น รำวงเพลงเรือ เพื่อสืบสานวัฒนธรรมไทย

-จัดนิทรรศการ หรือพิธีลอยกระทง เพื่อเผยแพร่และอนุรักษ์ประเพณีไทย

-จัดรณรงค์ให้มีการใช้วัสดุจากธรรมชาติมาทำกระทง เพื่อไม่ให้เกิดมลภาวะแก่แม่น้ำลำคลอง

ลอยกระทง (3)


การลอยกระทงในปัจจุบันยังคงรักษารูปแบบเดิมเอาไว้ได้ตามสมควรเมื่อถึงวันเพ็ญพระจันทร์เต็มดวงใน
เดือน ๑๒ ชาวบ้านจะจัดเตรียมทำกระทงจากวัสดุที่หาง่ายตามธรรมชาติ เช่น หยวกกล้วย และดอกบัว นำมาประดิษฐ์เป็นกระทงสวยงาม ปักธูปเทียนและดอกไม้ เครื่องสักการบูชา ก่อนทำการลอยในแม่น้ำก็จะอธิษฐานในสิ่งที่มุ่งหวังพร้อมขอขมาต่อพระแม่คงคา ตามคุ้มวัดหรือสถานที่จัดงานหลายแห่ง มีการประกวดกระทง ประกวดนางนพมาศ และมีมหรสพสมโภชในตอนกลางคืน นอกจากนั้นยังมีการจุดดอกไม้ไฟ พลุ ตะไล ซึ่งในการเล่นต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ วัสดุที่นำมาใช้ทำกระทง ควรเป็นของที่สามารถย่อยสลายได้ง่ายตามธรรมชาติ

ที่มาประวัติลอยกระทง www.coj.go.th


ติดต่อเช่ารถพร้อมคนขับ/ซื้อสินค้า/โฆษณาข่าวสาร
Add friend ที่ @topcm
เพิ่มเพื่อน
บทความก่อนหน้านี้
บทความถัดไป
บทความที่เกี่ยวข้อง
- Advertisment -